วันอังคารที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2556

วิธีลบNod32(Uninstall หรือ Remove Eset Nod32 Antivirus) แบบรวมยอดเบ็ดเสร็จอย่างไร


คุณกำลังเผชิญปัญหาการ Uninstall หรือ Remove ถอนการติดตั้ง ESET NOD32 Antivirus กันบ้างหรือไม่? คุณต้องการ Remove NOD32 ออกจากเครื่องคอมพิวเตอร์ แต่คุณลืม Password สำหรับ Uninstall ใช่หรือไม่? คุณจำเป็นต้อง Uninstall NOD32 และติดตั้ง Antivirus ตัวอื่นหรือเปล่า? เว็บเพจหน้านี้จะให้รายละเอียดบอกถึงการ Remove ESET NOD32 Antivirus ออกจากเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ ติดตามดูวิธีการทำทีละอย่างก็แล้วกัน

ขั้นตอนการ Uninstall หรือ Remove ถอนการติดตั้ง ESET Nod32 Antivirus

ติดตามวิธีการ Uninstall Nod32 Antivirus ออกจากเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณดังนี้ โปรดใช้วิธีที่ 1 ให้เป็นประโยชน์ก่อน ครั้นแล้วค่อยใช้วิธีที่ 2 เมื่อเสร็จการ Uninstall แล้ว ถึงตอนนั้นค่อยหยุดทำ ขั้นตอนแต่นี้เป็นต้นไปอธิบายบอกไว้แล้วข้างล่าง

วิธีที่ 1

ถอนการติดตั้ง (Uninstall) หรือ Remove NOD32 โดยการใช้เครื่องมือ Uninstall ที่วินโดว์มีมาให้ใน Start Menu --> Settings --> Control Panel --> “Add or Remove Programs” หรือใช้ ESET NOD32 Uninstaller ดังนี้
1 คลิกที่ Start Menu แล้วเลือก Programs / All Programs
2 หาดูคำว่า ESETและที่เมนูย่อยนี้ที่ด้านล่างสุดคลิกเลือก Uninstall เพื่อถอนการติดตั้ง NOD32
ถ้าคุณล้มเหลวไม่เกิดผลสำเร็จเพื่อถอนการติดตั้ง โดยขั้นตอนข้างบนนี้แล้ว ถ้าเช่นนั้นจงทำตามวิธีที่ 2 ดังนี้

วิธีที่ 2

ถอนการติดตั้ง NOD32 โดยการใช้เครื่องมือถอนการติดตั้ง NOD32 removal tool

นี่เป็นช่องทางการ Remove NOD32 ที่ง่ายที่สุด จงทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
1 ดาวน์โหลด NOD32 removal tool โดยการกอปปี้ URL คือ www.nod32.nl/download/tool/nod32removal.exe ไปวางที่ช่อง Address bar บนเว็บบราวเซอร์กดปุ่ม Enter และกดปุ่ม Save ที่กรอบสนทนา เก็บไฟล์ไว้ก่อน
2 เมื่อดาวน์โหลดเสร็จแล้ว จงดับเบิลคลิกที่ไฟล์เพื่อถอนการติดตั้ง

3 หลังจากเสร็จการ Uninstall แล้ว จงรีสตาร์ทเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ
ถ้าวิธีที่ 2 ยังล้มเหลวไม่เกิดผลสำเร็จอีก จงทำตามวิธีที่ 3 ดังนี้

วิธีที่ 3

ถอนการติดตั้ง NOD32 ด้วยวิธีการ Manual ลงมือทำเอง

แนวทางการปฏิบัตินี้เป็นภาวะล่อแหลมที่ต้องใช้ความระมัดระวังมากที่ สุดในบรรดาวิธีการทั้งหมด ใช้วิธีนี้บังคับให้เป็นประโยชน์เมื่อวิธีการข้างบนทั้งหมดล้มเหลวไม่เกิดผล สำเร็จ
1 เข้าสู่ระบบ Safe Mode ด้วยการรีสตาร์ทเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ และขณะที่คอมพิวเตอร์กำลังโพสต์หน้าจอแรกเหมือน DOS ก่อนเริ่มต้นเข้าระบบวินโดว์ ให้กด F8 ซ้ำๆถี่ๆ จนกว่าหน้าจอ DOS สีดำจะปรากฏขึ้นมาจริงๆ ซึ่งจะมีหัวข้อให้เลือก กดปุ่มลูกศรขึ้นลงเลือก Safe Mode รายการแรกๆเลย แล้วกดปุ่ม Enter เข้าไปอีก ช่วงนี้รอประมาณ 5 นาที และอาจต้องคลิก Yes หรือ OK อีกครั้ง ก็จะเข้าสู่หน้าจอวินโดว์
2 คลิกที่ Start Menu ชี้เมาส์คลิกที่ Run และพิมพ์คำว่า regedit แล้วกดปุ่ม OK หรือ Enter เข้าไป
3 หาคำว่า ESET และ egui ที่อยู่ใน path ช่องทางต่อไปนี้ และ delete ลบมันทิ้งไป
HKEY_CURRENT_USER\Software\ESET
HKEY_LOCAL_MACHINE\Software\ESET
HKEY_LOCAL_MACHINE\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Run\egui
4 คลิกที่ Start menu --> Settings --> Control Panel และดับเบิลคลิกที่ Folder Option คลิกเลือกแท็บ View ดูช้อยซ์ที่แปดถึงสิบคลิกเลือกที่ Show hidden files and folders แล้วคลิก OK ตามลำดับ
5 ไปที่โฟลเดอร์ C:\Windows\inf ตามช่องทางนี้ และลบไฟล์ชื่อ INFCACHE.1 ออกไป
6 ถึงตอนนี้ ให้รีสตาร์ทเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ แล้วเข้าไปตามช่องทางข้างล่าง เพื่อลบโฟลเดอร์ชื่อว่า ESET ดังนี้
C:\Program Files\ESET
C:\Documents and Settings\All Users\Application Data\ESET
C:\Documents and Settings\%USER%\Application Data\ESET
ด้วยการทำตามขั้นตอนข้างบน คุณสามารถ Remove ถอนการติดตั้ง ESET NOD32 Antivirus ออกจากเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณแบบรวมยอดเบ็ดเสร็จเลยทีเดียว
คำเตือน
คุณอาจจำเป็นต้องสำรองระบบ (Backup OS) ก่อนใช้วิธีที่ 2 และ 3 เพราะระบบอาจทำงานล้มเหลวหลังจากที่คุณถอนการติดตั้ง Nod32 โดยใช้วิธีดังกล่าว ทั้งนี้เพื่อความไม่ประมาทนะครับ

วิธีแชร์ภาพหรือวีดีโอจาก iPhone, iPad ขึ้นทีวีง่ายๆด้วยเทคโนโลยี DLNA


ในสัปดาห์ที่แล้ว ไอที24ขั่วโมงได้กล่าวถึง เทคโนโลยี DLNA ที่ช่วยให้สามารถนำภาพหรือวีดีโอจากมือถือ Tablet คอมพิวเตอร์ หรือกล้องดิจิตอลขึ้นมาแสดงบน smart TV ง่ายๆ ผ่าน wi-fi โดยครั้งที่แล้วได้นำเสนอการแขร์ผ่านแอพ allshare ที่มาพร้อมบนมือถือและแท็บเล็ต Samsung ราคาปานกลางจน ราคาแพง ระบบปฏิบัติการ android  แล้ว iPhone และ iPad ทำได้หรือป่าว? คำตอบก็คือทำได้เช่นเดียวกัน
วันนี้จึงนำเสนอวิธีแชร์ภาพแบบ DLNA นี้เลย ผ่านทาง iOS อย่าง iPhone และ iPad กัน แต่ก่อนอื่นจะเอ่ยถึงเทคโนโลยีการแชร์ภาพของระบบปฏิบัติการ iOS สักเล็กน้อย

ตามปกติการแชร์ภาพและวีดีโอขึ้นจอทีวีนี้คอนเซปเทคโนโลยีที่คล้าย DLNA แบบฉบับ Apple ก็คือ Airplay ซึ่งต้องใช้กับ Apple TV โดยใช้ตัวอุปกรณ์ iOS อย่าง iPhone  , iPod Touch และ iPad ในการส่งให้ทีวีที่เชื่อม Airplay แสดงภาพหรือวีดีโอ
แต่ ก็มีนักพัฒนาได้ทำแอพที่สามารถฉายบนจอทีวีได้เลยแบบไม่ต้องผ่าน Airplay และเป็นการส่งในรูปแบบ DLNA ได้เช่นกัน ซึ่งแอพที่ใช้กับ iOS นี้ มี 2 แอพด้วยกันก็คือ   MediaConnect และ iMediashare นั่นเอง ซึ่งก็จะต้องเสียเวลาดาวน์โหลดหน่อย  มีทั้งเวอร์ชั่นฟรีและเสียเงิน โดยโหลดผ่านทาง Appstore    ซึ่งแตกต่างจาก แอพ allshare และ smartshare ที่มีให้พร้อมบนมือถือและแท็บเล็ตเลย
ในตัวอย่างนี้จะแนะนำเทคนิคการแชร์ภาพ และวีดีโอ ขึ้นสมาร์ททีวีด้วย DLNA ผ่านทาง iMediashare บน iPhone ขั้นแรกเข้าไปโหลดแอพ iMediashare บน Appstore ก่อนที่นี่ เมื่อโหลดแอพมาไว้ในเครื่องแล้ว ก็ตรวจสอบดูว่า ทั้งสมาร์ททีวีและ iPhone หรือ iPad ของคุณ เชื่อมต่ออยู่กับ เครือข่ายวงเดียวกันผ่านทาง wi-fi หรือเปล่า ? และอุปกรณ์ต้องรองรับมาตรฐาน DLNA หรือไม่ โดยสังเกตสัญลักษณ์ DLNA บนตัวอุปกรณ์นั้นๆ ว่ามีหรือเปล่า ?
เมื่อมีครบ พร้อมแล้ว ก็เปิดแอพฯ iMediaShare ขึ้นมา จะขึ้นหน้าจอดังรูป  แล้วเลือกสิ่งที่ต้องการจะโชว์บนทีวีที่ต้องการ ซึ่งมีตัวเลือกมากมาย เช่น โชว์รูปภาพ  เพลง  วีดีโอ  Facebook  Picasa  Youtube รายการข่าว แล้วแต่ที่คุณต้องการ
เมื่อ เลือกแล้วก็แค่กด share แล้วเลือก TV หรืออุปกรณ์เครื่องที่ต้องการจะให้ปรากฎบนจออุปกรณ์นั้น…. เพียงเท่านี้ภาพและวีดีโอ ก็จะขึ้นไปแสดงบนจอ TV และอุปกรณ์ DLNA อื่นๆได้อย่างง่ายดาย

iMediaShare Commercial: Experience Personal TV


แอพ iMediashare นี้นอกเหนือที่จะช่วยอำนวยความสะดวกและให้ความบันเทิงภายในบ้านแล้ว ยังสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการนำเสนองานผ่านทางหน้าจอทีวี หรือคอมพิวเตอร์  ณ ที่ทำงานได้อีกด้วย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณสมบัติของ iMediashare เพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ http://www.imediashare.tv

วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2556

วิธีปลดล็อค Android ลองหลายรูปแบบมากเกินไปหรือ Samsung ลองลายเขียนมากเกินไป Read more: http://www.comfixclub.com/unlock-android-by-recovery-mode/#ixzz2b15bAots

วิธีปลดล็อค Samsung Galaxy Y ลองลายเขียนมากเกินไป หรือปัญหา Android เครื่องล็อคแล้วขึ้นข้อความว่า หลายรูปแบบมากเกินไป
สาเหตุเกิดจาก เครื่องล็อคและได้ตั้งรหัสผ่านเอาไว้แล้วเราใส่รหัสผ่านผิดต่อกันหลายๆ ครั้ง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดเช่นมีคนไม่รู้รหัสเอาเครื่องเราไปใช้หรือเราลืมเอง เมื่อเป็นแบบนี้หน้าจอจะขึ้นเป็นรูปกุญแจล็อคแล้วมีคำเตือนว่า “ลองหลายรูปแบบมากเกินไป” ถ้าเป็นซัมซุงที่เคยเจอจะเป็นข้อความว่า  “ลองลายเขียนมากเกินไป” ซึ่งทั้งสองก็คืออาการเดียวกัน
และหน้าจอบอกว่าหากต้องการปลดล็อคให้ลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชี Google ของคุณ แต่เมื่อลองแล้วทั้งอีเมลและรหัสผ่านใส่ถูกต้องทั้งหมดแต่ยังปลดล็อคไม่ได้ ทีนี้เราจะต้องทำยังไงดี ผมมีคำตอบมาให้ครับ พอดีผมลืมแคปภาพของ Galaxy Y ไว้ เลยเอาภาพของแท็บเล็ตจีนซึ่งมีอาการเดียวกันมาให้ดู
วิธีปลดล็อค Android ลองหลายรูปแบบมากเกินไป
ตัวอย่างหน้าจอของเครื่องที่ถูกล็อค
วิธีปลดล็อค Samsung Galaxy Y ลองลายเขียนมากเกินไป
ถ้าใครมีความสามารถในการแฟลชรอมใหม่ก็ทำได้เลยครับ หรือถ้าแฟลชรอมไม่เป็นเราสามารถใช้ฟังก์ชั่น Factory Reset ที่ซ่อนอยู่ใน Android system recovery ได้เลยครับ ในตัวอย่างนี้ผมจะขอสาธิตวิธีการแก้ไขของเครื่อง Samsung Galaxy Y นะครับ โดยมีขั้นตอนการกดปุ่มดังนี้
  • ปิดเครื่อง
  • กดปุ่มเพิ่มเสียง(ข้างเครื่องด้านซ้าย) + ปุ่มเปิดเครื่อง + ปุ่ม Home ตรงกลางด้าหน้า พร้อมกัน รอจนกว่าจะขึ้นหน้าจอ พอหน้าจอขึ้น Android system recovery แล้วจึงปล่อยทุกปุ่ม
วิธีปลดล็อค Android ลองหลายรูปแบบมากเกินไป
  • เลือก wipe data/factory reset (เลื่อนโดยใช้ปุ่มเพิ่มลดเสียง) และเข้าใช้งานโดยกดปุ่ม Home
วิธีปลดล็อค Android ลองหลายรูปแบบมากเกินไป
  • เลือก yes — delete all user แล้วกดปุ่ม Home
วิธีปลดล็อค Android ลองหลายรูปแบบมากเกินไป
  • เมื่อกลับไปหน้าจอ Android system recovery ให้เลือก  reboot system now
วิธีปลดล็อค Android ลองหลายรูปแบบมากเกินไป
  • จากนั้นเครื่องจะรีบูทเข้าแอนดรอยด์ปกติ ก็ให้จัดการตั้งค่าบัญชี Google เพื่อให้โหลดแอพใน Play store ต่อไป
ดูวิธีการทั้งหมดในวีดีโอได้ครับ


เพื่อนๆ  สามารถทำเองได้ง่ายๆ ไม่จำเป็นต้องเอาไปซ่อมที่ร้าน ขั้นตอนไม่ได้ยากอะไรนะครับ ถ้าใช้แอนดรอยด์รุ่นอื่นๆ ก็ทำได้ เพียงแค่รู้วิธีกดปุ่มเพื่อเข้า recovery mode นั่นเอง
โดยให้ค้นหาใน google ด้วยคำว่า recovery mode+รุ่นของมือถือ หรือ factory reset+รุ่นของมือถือเรา ประมาณนี้ครับ ลองทำดูครับง่ายๆ


advertisements

ส่งต่อเรื่องนี้ อาจจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ของคุณ :

Tags.

ลองหลายรูปแบบมากเกินไป, วิธีปลดล็อค แท็บเล็ต, ลองหลายรูปแบบมากเกินไป android, ปลดล็อค แท็บเล็ต, วิธีปลดล็อค samsung galaxy y, ปลดล็อคแท็บเล็ต, แท็บเล็ต อาการ ลองหลายรูปแบบมากเกินไป, ลองหลายรูปแบบมากเกินไป แท็บเล็ต, ปลดล็อค แอนดรอยด์, ปลดล็อค samsung galaxy y, ปลดล็อคหน้าจอ samsung galaxy y, การปลดล็อกโทรศัพท์, รูปแบบปลดล็อคหน้าจอ, แท็บเล็ตถูกล็อค, ปลดล็อค samsung, ปลดล็อค android, ปลดล็อค samsung galaxy, การปลดล็อคโทรศัพท์ samsung, ลืมรหัสปลดล็อคหน้าจอ samsung, ลืมรหัสปลดล็อคหน้าจอ แท็บเล็ต, แก้ปลดล็อค แท็บเล็ต, แก้น่าจอแท็ปแล็ตล็อกอย่างไร, แท็บเล็ตติดล็อค, วิธีแก้โทรศัพท์ล็อค, samsungปลดล็อกด้วยใบหน้า, หน้าจอล็อคลองหลายรูปแบบมากเกินไป, วิธีปลดล็อค android, วิธีปลดล็อค samsung galaxy, ล็อคหน้าจอ แอนดรอย, วิธีรีเซ็ต แท็บเล็ตจีน

Read more: http://www.comfixclub.com/unlock-android-by-recovery-mode/#ixzz2b15RA6Zv

Tip : ลืมรหัส Unlock เข้าเครื่องแท็บเล็ต Android ไม่ได้ แก้ยังไง?

วิธีที่ 1 >>  ปลดล็อคด้วย Google Account

  ถ้าใครเคย login google play หรือ Gmail มาก่อนเวลาเราใส่รหัสผิดหลายๆ รอบ ระบบ Android ก็จะไม่ให้เราทำการลองใส่รหัสเพื่อกัน ผู้ไม่ประสงดีจะเข้ามาขโมยข้อมูลสำคัญของเรา แต่จะให้ใส่ ชื่อ และ รหัส Gmail ที่เราเคย Login ไว้แทน ถ้าใครจำรหัสได้ก็สามารถปลดล็อคได่้ ซึ่งวิธีนี้ง่ายที่สุดและไม่ทำให้ข้อมูล หรือ App ที่เราลงไว้หายไป

วิธีที่ 2 >>   ปลดล็อคด้วย Command ADB

อันนี้สำหรับผู้ใช้ที่มีความรู้เรื่องระบบ Android ในระดับนึง และใช้ได้สำหรับเครื่องที่เปิด USB Debug Mode ,Root เครื่องแล้ว และไม่ใส่รหัสผิดจนระบบให้ใส่ Google Account ไม่เข้าใจข้ามไปได้เลยครับ วิธีคือให้ต่อ USB เข้ากับเครื่อง PC เข้าโหมด ADB แล้วรันคำสั่งด้านล่าง ซึ่งมีอยู่ 2 ส่วน ซึ่งทำอย่างใดอย่างนึง แต่ก็ได้ถ้ายังปลดไม่ได้ก็ทำอีกอย่างนึง หลังจากทำเสร็จก็จะเข้าหน้า unlock เหมือนแต่คราวนี้เราใส่รหัส Pattern อะไรก็ตามจะสามารถเข้าเครื่องแท็บเล็ตของเราได้ วิธีนี้ข้อมูลของเราก็จะไม่สูญหายเช่นกัน

ส่วนที่หนึ่ง
adb shell
cd /data/data/com.android.providers.settings/databases
sqlite3 settings.db
update system set value=0 where name='lock_pattern_autolock';
update system set value=0 where name='lockscreen.lockedoutpermanently';
.quit

ส่วนที่สอง
adb shell rm /data/system/gesture.key (ดูในวิดีโอได้)
http://www.youtube.com/watch?v=tVJ7T...layer_embedded


วิธีที่ 3 >> Upgrade Firmware ใหม่

วิธีนี้ง่ายรองลงมาจากวิธีที่ 1 แต่ต้อง upgrade firmware เป็นและต้อง up ให้ถูกกับรุ่นที่ใช้ สำหรับแท็บเล็ตที่ใช้ CPU Allwinner A13 นั้นมี Firmware เยอะมากๆ ถ้า Up ผิดเครื่องอาจบูตไม่ขึ้นหรือ ใช้ไม่ได้นะครับอันนี้ต้องระวัง วิธีการก็ให้ไปดูวิธีการ upgrade ของเครื่องรุ่นนั้นๆ ครับผม รุ่นที่ทางเว็บเราขายอยู่ก็จะมีตัว firmware และวิธีการ upgrade แต่ละรุ่นใน Gadgetdoor forum ของเราครับ  http://forum.gadgetdoor.com/ แต่สำหรับท่านที่ไม่สามารถหา firmware ได้และไม่รู้วิธี กลัวเครื่องเสีย ก็ลองไปดูวิธีที่ 4 ได้ครับ


วิธีที่ 4 >>  Factory Data Reset ผ่าน Recovery Mode

สำหรับการ factory data reset หลายคนคงจะรู้ว่ามันเป็นการคืนค่าเริ่มต้นของโรงงานซึ่งหมายความว่าจะสามารถใช้งานเแท็บเล็ตได้แต่ข้อมูล และ Application จะหายหมด โดยปกติต้องเข้าไปทำได้จากเมนูการตั้งค่าบนระบบ Android แต่ในเมื่อเรายัง unlock หน้าจอไม่ได้ก็หมายความว่าเราต้องใช้วิธีอื่นครับ นั่นก็คือทำผ่าน Recovery Mode อันนี้ถ้าเครื่องไหนมี Recovery โหมดอยู่แล้วก็สามารถทำได้เลยเช่น แท็บเล็ตของ ONDA , Ainol บางรุ่น , sหรือ Smart Phone หลายๆ รุ่นที่ต้อง upgrade firmware ผ่าน Mode นี้อยู่แล้ว อย่าแท็บเล็ต Ainol บางรุ่นสามารถเข้าได้โดยการกดปุ่ม + ค้างไว้ และปุ่ม Power ประมาณ 3 - 4 วินาที ซึ่งวิธีเข้า Recovery Mode นั้นแล้วแต่รุ่นครับอาจจะมีวิธีไม่เหมือนกัน แต่ถ้าเครื่องของคุณ ไม่มี Recovery Mode จะทำยังไง? คำตอบคือเราพอมีทางยัด Recovery Mode ลงไปในเครื่องของคุณได้ครับแต่เครื่องของเราต้องเปิด debug mode ไว้อยู่แล้ว ตัวนี้จะเป็น Clock Work MOD Recovery โดยทำการ Download และ Run Script ตามขั้นตอนด้านล่างได้เลย

1)  ต่อ Tablet เข้า PC เพื่อเข้า debug mode
2)  download tool CWM Recovery ตาม link นี้ https://spideroak.com/share/KNQW243VNZTUGYLMNRUXG5DP/manta_mid08/home/willing/Android/Builds/Manta/Recovery/CWM_Recovery_Manta_MID08_windows_install.zip และ unzip จะได้ folder "CWM_Recovery_Manta_MID08_windows_install"
3)  เข้าไปที่ folder path "CWM_Recovery_Manta_MID08_windows_install
   - Run Install_recovery.bat
   - Run ฟ๑Jrecovery_for_ICS.bat
   - Run Boot_to_recovery.bat
4. เครื่องจะ boot เข้าสู่ Recovery Mode > ให้มองหาและเลือกหัวข้อที่มีคำว่า factory data reset  > เลือก Yes
5. Reboot

สรุปคือวิธีที่ 1 กับ 2 ข้อมูลเราจะไม่หายครับ ส่วนวิธีที่ 3 กับ 4 ข้อมูลและ app ของเราก็จะหายไปอันนี้ก็แล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละท่านแล้วล่ะครับว่า ถนัดแบบไหน หรืออยู่ในสถานการณ์ไหน สำหรับวันนี้ก็ขอแนะนำเพียงเท่านี้ครับหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกๆ ท่านนะครับ ขอบคุณครับ