หยกเป็นหินชนิดหนึ่งมีหลายสีที่นิยมคือ สีเขียว
มีคุณสมบัติที่ดีในหลายๆด้าน คนจีนจะนิยมนำมาทำเป็นเครื่องประดับ
ภาชนะต่างๆ เครื่องรางเพื่อป้องกันตัวและแกะสลักเป็นรูปวัตถุมงคลต่างๆ
เช่น ปีเซียะ กิเลน สิงโต พระพุทธรูป เจ้าแม่กวนอิม กำไล แหวน สร้อยคอ
ฯลฯ
หยกได้ชื่อว่าเป็นอัญมณีจากสวรรค์
เชื่อว่าหยกมีพลังเร้นลับสามารถผลักดันความเป็นศิริมงคลมาให้แก่ผู้บูชา
ซึ่งสืบทอดความเชื่อนี้มาแต่โบราณ
ตั้งแต่ประวัติศาสตร์ประมาณ 7000
ปีมาแล้ว
ในสมัยพระนางซูสีไทเฮา ก็ได้ทำชุดหยกขึ้นไว้เตรียมใส่ในวันสวรรคต เพราะเชื่อว่าหยกนั้นจะได้รักษาร่างกายไม่ให้เน่าเปื่อยเนื่องจากหยกจะดูดซับความเย็นเอาไว้ ชุดหยกที่พระนางซูสีไทเฮาใส่นั้น มีทั้งหมวกคลุมศีรษะ ชุดทั้งตัว มีถุงมือ รองเท้าด้วย ซึ่งตอนนี้ชุดหยกได้แสดงไว้ที่กรุงปักกิ่งในร้านหยก
ชนิดของหยก
หยกมี 2
ชนิด คือ เจไดต์ และ เนไฟรด์ ซึ่งหยกมีความแข็งแกร่ง
เนื้อละเอียดสวยงาม เหมาะสำหรับแกะสลักเป็นรูปต่างๆเช่น
เนไฟรด์ในโบราณนิยมนำมาแกะเป็นอาวุธและแกะเป็นรูปมังกร
ถือว่าเป็นเครื่องนำโชค
ได้มีการพบหยกเจไดต์จากแคว้นคะฉิ่นในพม่าตอนเหนือติดกับจีน
หยกเจไดต์มีหลายสีคือ เขียว ม่วงลาเวนเดอร์ ชมพู
ฟ้า สีส้มอมเหลือง ขาว แดง น้ำตาล ดำ
ที่นิยมนำมาทำเป็นเครื่องประดับ
คือหยกเจไดต์สีเขียวมรกตที่เราเรียกว่า หยกจักพรรดิ์
ที่งดงามที่สุดเม็ดเดียวมีราคาหลายร้อยล้านบาท
1. หยก A หรือหยกธรรมชาติหรือหยกที่เจียระไนเป็นรูปต่างๆเสร็จแล้วขัดด้วยเที่ยนไข ไม่มีการตกแต่งวัสดุหรือสีเข้าไปในเนื้อหยก หยกสีธรรมชาติที่สวยและคุณภาพสูงหาได้ยาก
2. หยก B หรือหยกเคลือบด้วยพลาสติกหรือหยกที่อาบน้ำ โดยนำหินหยกไปแช่น้ำกรดไฮโดรคลอลิคเพื่อกัดเอาสนิมโลหะและสิ่งสกปรกในเนื้อหยกออกจนหมด แล้วนำไปชุบสารละลายพลาสติกแข็ง สารละลายพลาสติกจะซึมเข้าไปในเนื้อหยกและเคลือบผิว ทำให้หยกคืนสภาพ ดูสดใสเหมือนหยกที่มีคุณภาพสูงเนื้อแก้วซึ่งคนทั่วไปแยกไม่ได้ เพราะเหมือนหยกธรรมชาติมาก ทุกวันนี้หยกที่ขายทั่วไป 90% เป็นหยกB หยก A มีราคา หนึ่งแสนบาท หยก B จะอยู่ที่ 100-1000บาท เท่านั้น
3. หยก C คือหยก B ที่ใส่สีหรือย้อมสีเข้าไป เช่น สีเขี่ยว ม่วงแดง เป็นต้น
คุณสมบัติพิเศษของหยก
-
เชื่อว่าหยกมีอำนาจวิเศษคอยปกป้องผู้สวมใส่จากอันตราย เหตุนี้ฮ่องเต้จีน จึงทรงโปรดหยกเป็นพิเศษ หยกยังคงเป็นที่นิยมและมักสวมใส่ตลอดชีวิตของคนๆหนึ่ง (เรามักจะเห็นคนจีนสูงอายุใส่กำไลหยกแล้วไม่ถอดเลย ถ้าหยกสีขุ่นแสดงว่าสุขภาพไม่ดี ถ้าแตกหรือร้าวจะบอกเหตุร้ายที่จะเกิด หยกขึ้น
-
คุณภาพที่ดีต้องเนื้อมีความโปร่งใส และมีความเย็น
·
คนมักคิดว่าหยกต้องสีเขียว
แต่จริงๆแล้วหยกมีหลายสี เช่น สีม่วง แดง ดำ ขาว
ซึ่งมีคุณสมบัติแตกต่างกันไปอย่างน่าทึ่ง
วิธีทดสอบหยก
1. ใช้วิธีง่ายๆ คือนำหยกมาเคาะกันดู จะเห็นว่าถ้าเป็นหยกแท้นั้น เสียงจะกังวานใส ของปลอมเสี่ยงจะไม่ใส
2. จับหยกขึ้นมาไว้ในมือสักครู่ ดูว่าเย็นหรือไม่ ธรรมชาติของหยกจะมีความเย็นในตัว
3. นำขึ้นส่องไฟดู ถ้าหยกแท้จะใสมองทะลุได้ ถ้าของปลอมจะขุ่นมองเห็นเป็นสีทึบ
4. ลองนำหยกไปขูดกระจกดู เพราะหยกมีความแข็งสามารถใช้ขูดบนกระจกให้เป็นรอยได้
ดังนั้นก่อนซื้อหยกครั้งต่อไปหรือนำหยกที่มีอยู่มาลองทดสอบด้วยวิธีง่ายๆดูนะคะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น